คาสิโนในไทย อาจดับฝันกัมพูชา !!
คาสิโนในไทย แบบถูกกฎหมายกำลังมีความชัดเจน เมื่อรัฐบาลส่งสัญญาณให้เร่งสรุปผลการศึกษา ก่อนเดินหน้าผลักดันให้เกิดขึ้นจริง
รายการผลการศึกษาใกล้จะสรุป ก่อนเสนอที่ประชุมครม. ภายในเดือนเมษายน 2567 นี้
มีการกำหนดทำเลที่ตั้งทั่วทุกภาคของประเทศ โดยจะประเดิมที่แรกในโซน EEC ใกล้ความเป็นจริงไปทุกขณะ สำหรับการผลักดัน “คาสิโน” ถูกกฎหมายแห่งแรกในประเทศ
ภายหลังจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมปิดจ็อบสรุปรายงานให้สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ ก่อนส่งเรื่องต่อให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเดือนเมษายน 2567 นี้
การเกิดขึ้นของ Entertainment Complex ที่จะมีคาสิโน เป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรแห่งความบันเทิง น่าจะตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ต้องการดึงดูดเม็ดเงินการลงทุน และการท่องเที่ยวจากต่างชาติ โดยในช่วงก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ส่งสัญญาณถึง กมธ.ชุดดังกล่าวว่า รัฐบาลเอาจริง ให้รีบเร่งเครื่องเดินหน้า
สศค.แนะ 5 ดี 4 เสริม
สิ่งที่ดีใน 5 เรื่อง ประกอบด้วย
1. เลือกพื้นที่ที่ดี
2. กฎหมายกำกับดูแลดี
3. บริหารจัดการนักท่องเที่ยวที่ดี
4. เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ในระบบที่ดี
5. เกิดการเก็บภาษีเข้าเป็นรายได้รัฐบาล (CIT VAT สรรพสามิต รายได้ท้องถิ่น)
เสริมด้วย 4 นโยบายรัฐบาล ได้แก่
1. มาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย โดยมาตรการที่ดำเนินการมาแล้ว เช่น ลดภาษีไวน์ ขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง เป็นต้น
2. ทูตที่ประจำต่างประเทศ ต้องโปรโมตสินค้าและการลงทุน และโปรโมตการท่องเที่ยวเข้าไปด้วย
3. ใส่ Soft Power เข้าไปอยู่ใน Entertainment Complex
4. เสริมด้วยการร่วมมือกับภาคเอกชนและผู้ประกอบการในพื้นที่เป้าหมายในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
โปรดักส์ใหม่หนุนท่องเที่ยวไทย
การสรุปผลการศึกษา ยังได้หยิบยกข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในส่วนที่เกี่ยวข้อง Ecosystem และ Value Added ของ Entertainment Complex ซึ่งให้ข้อสังเกตในทุกมิติ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ
1. การบริหารความสมดุล ต้องบริหารจัดการให้สมดุลระหว่างการดึงดูดรายได้เข้าประเทศ และปัญหาสังคม
2. โลกเปลี่ยนแปลง กระแสการท่องเที่ยวโลกเปลี่ยน จากใครก็ได้ขอให้มาเที่ยว เป็นใครก็ได้ที่มีรายได้สูง
3. ต้องมีสินค้าใหม่ ต้องหาสินค้าทดแทน วัด ทะเล ภูเขา ป่าไม้ เน้น Luxury Tourism, Health and Wellness Tourism และ Cultural Tourism
4 .ต้องเป็นมากกว่าบ่อน Entertainment Complex ต้องเป็นมากกว่าบ่อนกาสิโน ต้องเป็นแหล่งรวบรวมความบันเทิงหลายหลายรูปแบบ สำหรับทุกวัย และต้องบวกความสุขใจเข้าไปด้วย
5. Ecosystem ต้องดี ต้องคิดเป็นระบบ จึงจะมี Backward และ Forward Linkage ต่อเศรษฐกิจสูง
6.โลเคชั่นมีความสำคัญ ควรเป็นพื้นที่ที่มีข้อจำกัดในการเข้า เช่น เกาะ ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก ที่มีการคมนาคมสะดวก และเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดใกล้เคียงได้ เช่น ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี (มีเกาะเชื่อมทะเล 2 ฝั่ง)
7.กลุ่มเป้าหมายต้องชัดเจน สามารถเข้า Entertainment Complex ได้ทุกคน ทุกวัย แต่ในส่วนที่เป็นกาสิโนต้องมีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำ อายุขั้นต่ำ และเพดานวงเงินที่เล่นได้เสีย 8.เงื่อนไขการได้รับการส่งเสริม : Local Content เกือบ 100% จ้างงานคนไทยเกือบ 100% Go Green ปล่อย CO2 เป็น 0
กระตุ้นเศรษฐกิจ เก็บภาษี จ้างงาน
1.การเกิดขึ้นของกาสิโนจะรวมอยู่ใน GDP และเก็บภาษีได้
2.แรงงานท้องถิ่นนอกระบบจะเข้าเป็นแรงงานในระบบทันที
3.Earmarked ไว้ทำโครงการพัฒนาท้องถิ่นนั้นๆ หรือสวัสดิการคนจน เป็นต้น
เกิดการเชื่อมโยงในห่วงโซ่เศรษฐกิจ
1.ก่อสร้าง
2.อสังหาริมทรัพย์
3.โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร
4.คมนาคม ขนส่ง สื่อสาร
5.ขายส่งขายปลีก
6.การเงินการธนาคาร ประกันภัย ประกันชีวิต
7.อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม
8.วัฒนธรรม OTOP
9.เกษตร
10.ท้องถิ่น
มีการหยิบยกตัวอย่างการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ตามรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โดยอ้างอิงกรณีการเปิดคาสิโนในสิงคโปร์ ระบุว่า ก่อนเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย จากการคำนวณเบื้องต้นพบว่าก่อนปี 2009 นักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายในการเยี่ยมชมสถานที่และความบันเทิงต่อคนประมาณ 51 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1,340 บาท)
แต่เมื่อมีการเปิดคาสิโนถูกกฎหมาย นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายในหมวดนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3 ปีแรก 841 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 22,300บาท) หรืออาจอนุมานได้จากนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 22,300 บาทต่อคน
เมื่อนำมาประยุกต์กับกรณีประเทศไทย ค่าใช้จ่ายปกติ และการเข้า Entertainment Complex เมื่อคำนวณรวมกับค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวปี 2566 อยู่ที่ 42,750บาท/คน/ทริป ทำให้คาดว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะมีการใช้จ่ายประมาณ 65,050 บาท/คน/ทริป
อัดแน่น F1-กอล์ฟ-มวย-OTOP
มีการกำหนดรูปแบบการให้บริการด้านความบันเทิง สันทนาการ และการบริการในสาขาต่างๆ ไว้ใน Entertainment Complex หนึ่งในนั้นก็คือการเปิดให้เล่นพนันถูกกฎหมาย รวมแล้วจะประกอบด้วยกิจกรรม/กิจการ 26 ประเภท ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร/บาร์ สปา ห้องประชุมสัมมนา ศูนย์สุขภาพ สนามกอล์ฟ ครูซซิ่งคลับ ยอร์ช คลับ เกม Virtual Reality, Pool and Cabanas, Duty free & Luxury Boutique shop, Entertainment Park สตูดิโอภาพยนตร์ สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ สนามมวย สนามแข่งรถ F1 ตลาดนัดกลางคืน พื้นที่วัฒนธรรม One stop super app, Transportation Hub, Financial Infrastructure, OTOP Thai กาสิโน และอื่นๆ
การเปิด คาสิโนในไทย แบบถูกกฎหมาย ในรัฐบาลนี้ดูจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เมื่อฝ่ายบริหารล็อกเป้า จะต้องเกิดขึ้นให้ได้ เพราะมองว่าเรื่องนี้จะเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย
โดยมีการกำหนดแนวทางเอาไว้ว่า อยากให้ผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในด้านนี้ ที่เปิดบริการอยู่แล้วในต่างประเทศ เป็นผู้มาลงทุนทั้งหมด ทุนจดทะเบียนอยู่ในระดับหมื่นล้าน ชำระเต็ม มีการประเมินกันถึงวงเงินลงทุนอย่างต่ำ 1 แสนล้านบาท และต้องจัดหาที่ดินเองทั้งหมด อาจจะต้องใช้ที่ดินขนาดใหญ่ประมาณ 3,000 ไร่
ทางผู้เกี่ยวข้อง ค่อนข้างจะเห็นตรงกันว่า Entertainment Complex หรือคาสิโนในไทย แบบถูกกฎหมายแห่งแรก เหมาะที่จะประเดิมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ECC)
โดยแหล่งข่าวในรัฐบาล เปิดเผยว่า หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่คาดการณ์ไว้ ในช่วงปลายปี 2567 ก็มีความเป็นไปได้ ที่จะนับหนึ่งก่อสร้างโครงการ
เงื่อนไขเจ้าของคาสิโน
สิ่งที่หลายฝ่ายจับตามองมากที่สุด ปฏิเสธไม่ได้คือ การเปิดให้มีการเล่นพนันอย่างถูกกฎหมายในคาสิโน โดยในส่วนของกรรมาธิการที่ศึกษาเรื่องนี้ ได้กำหนดนิยามเอาไว้ถึงสถานประกอบการที่มีกิจกรรมการพนันเป็นกิจกรรมหลัก และมีหลายประเภทไว้ให้บริการ
โดยเอกชนต้องได้รับใบอนุญาต มีการกำหนดคุณสมบัติผู้ขออนุญาต ระยะเวลาการอนุญาต การปฏิเสธใบอนุญาต และจำนวนใบอนุญาต ที่สำคัญเอกชนที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจ ต้องเป็นรายที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนกับรัฐสูงที่สุด
ประเภทของการพนันบนโต๊ะ ประกอบด้วย รูเล็ตต์ แบล็คแจ็ค โป๊กเกอร์ บาคาร่า ซิกโบ และอื่นๆ นอกจากนั้น ยังมีประเภทของการเล่นผ่านเครื่องอัตโนมัติ ออนไลน์ และกีฬา อีกด้วย
การเดินหน้าเปิดคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย หากดำเนินการเป็นผลสำเร็จ น่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ หรือผลกระทบต่อสังคม ไม่มากก็น้อย โดยได้ตั้งเป้าจะเปิดให้ครบทั่วทุกภาคของประเทศ ประมาณ 5-8 แห่ง แต่ท้ายที่สุด รายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ อาจมีการปรับเปลี่ยน ด้วยปัจจัยเศรษฐกิจ สังคม ความคุ้มค่า และอื่นๆ ขึ้นกับผู้มีอำนาจจะตัดสินใจ